คนส่วนใหญ่ มักจะมีหนี้ แล้วหนี้สินนั้นเกิดมาจากอะไรกันบ้าง ถ้าลองเปรียบไป คนที่ทำงานได้เกินกว่า 1 ปีก็เริ่มที่จะคิดอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง อาจจะด้วยความที่เริ่มเป็นครอบครัวแล้วและอยากจะเป็นส่วนตัวบ้างหรือไม่ก็ในส่วนที่เริ่มคิดว่าเมื่อแต่งงานแล้วก็อยากมีชีวิตแบบในละครคือมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร บ้านก็คือการสร้างทรัพย์สินอีกรูปแบบหนึ่ง ถ้าบ้านที่เราซื้อราคาไม่เกินตัวมากนักแถมด้วย ดูแล้วทำเลดีอีกไม่นานก็จะมีราคาขยับขึ้นเกินกว่าราคาที่ซื้อไว้แบบนี้ก็จัดว่าเป็นเรื่องที่สมควรเป็นที่สุด
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นระหว่างนั้นเมื่อเราทำงานดี ยิ่งถ้าเป็นการทำงานและมีครอบครัว อยู่กับแฟนเริ่มมองว่ารายได้เรา 2 คนรวมกัน ก็เกือบจะครึ่งแสนแล้ว ถ้าเราทำอาชีพเสริมอีกสักหน่อยก็จะได้ครึ่งแสนแบบไม่ยากไม่เย็นเลย เป็นเรื่องอันดีที่สุด เป็นสิ่งที่เราควรจะทำ การทำงานอย่างเดียวหรือการทำงานหน้าเดียวโอกาสก็เหมือนเรามีน้ำแก้วเดียวเมื่อไหร่ที่แก้วแตกน้ำก็หมดไม่มีเหลือให้กิน แต่ถ้าเราทำงานหลายๆ อย่างก็มีแก้วน้ำหลายใบจะหยิบจับน้ำแก้วไหนมากินก็ได้ เรียกว่าไม่มีวันอดน้ำตายอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่จะตามมาแบบไม่รู้ตัว หลังจากที่มีรายได้ดี นั้นคือการสร้างหนี้แบบไม่รู้ตัว
พอเริ่มมีเงินเยอะก็เริ่มอยากได้ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นมาเมื่อก่อน มีรถมอเตอร์ไซด์คนละคัน ไปทำงานก็ได้สบายๆ แต่พอเริ่มที่จะมีเงินเยอะก็อยากจะมีรถยนต์สักคันแล้ว พอมีคันแรกก็อยากมีอีกคน บอกว่ารถเก๋งใช้ขนของไม่ได้ลำบากอยากได้รถกะบะอีกสักคัน ก็เริ่มผ่อนรถสองคันพร้อมกัน วันที่ยิ้มได้กับสิ่งของเหล่านี้ก็คือวันแรกที่ออกรถ และวันที่ขายรถได้ เท่านั้น ทำไมถึงบอกแบบนี้ ก็วันที่ออกรถวันแรกไม่ได้คิดเลยว่า อีก 60 เดือน หรืออีก 72 เดือนจะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทาง จะไหวไม่ การผ่อนทุกชนิดเขาก็จะมีเวลาการผ่อนตรงทุกงวดห้ามขาดแม้แต่สลึงเดียว พอเริ่มมีปัญหาก็เริ่มที่อยากจะขายออกไป แล้วในที่สุดก็จำเป็นต้องยอมขายออกไปจะขาดทุนหรือเสมอตัวนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แล้วเราก็ยิ้มได้อีกครั้งที่เราไม่ต้องผ่อนมันอีกต่อไป แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่ายิ้มได้แค่ 2 ครั้งกับรถหนึ่งคัน
คนเฒ่าคนแก่เขาก็เคยบอกกันมานานแล้ว อย่าหลงกับสิ่งที่ได้ อย่าเสียใจกับสิ่งที่จากไป แต่คนส่วนใหญ่มองแต่ข้อดีของการที่เราได้มา ถ้าเรามีรถ 2 คัน ก็จะดีทำงานได้สะดวกขึ้น คำว่าสะดวกขึ้นไม่ได้หมายความว่า จะได้ดีขึ้น แต่ถ้าเรามีรถ 2 คันเราก็สามารถหารายได้เพิ่มขึ้น หลายคนอาจจะใช้เวลาหลังเลิกงานประจำแล้วก็มาขับ Grab หรือรับจ้างอะไรก็ได้เพื่อให้พอกับค่าผ่อนรถเป็นรายเดือนไป รถก็ยังเป็นของเรา และเราก็มีเงินที่จะพอส่งตัวมันเอง แบบนี้ถึงจะเรียกว่าไม่เป็นหนี้ทับซ้อน
การจะสร้างหนี้ที่เป็นหนี้เกินความจำเป็นอย่างการซื้อรถ ถ้าเราอยากได้จริงๆ แนะนำว่าควรหาเงินดาว์นรถให้ได้ 50% ของราคารถ แล้วค่อยทำการซื้อ เมื่อเรามีความสามารถขนาดนั้นแล้วก็จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นมาภายหลังอย่างแน่นอน หรือการทำการทดลองกับตัวเราเองก่อนก็ได้ อยากได้รถสักคัน ผ่อนเดือนละ 10000 บาท ก็ทำการทดลองเก็บเงินเดือนละ 10000 บาทให้ได้สัก 1 ปีขึ้นไป หรืออย่างน้อยก็สัก 8 เดือนขึ้นไปแล้วมาดูว่ามีผลกระทบกับเราแบบไหนบ้าง เราสามารถทำได้แบบที่ไม่เดือนร้อนใช่ไหมแล้วค่อยทำการซื้อแบบนี้ก็ไม่สายเกินไป เพราะตอนที่เพื่อนกำลังเหนื่อยกับการผ่อนรถรุ่นใหม่ แต่เพียงแค่ 6 เดือนรุ่นใหม่นั้นก็กลายเป็นรุ่นเก่าในทันที คุณต่างหากที่กำลังจะออกรถรุ่นใหม่กว่า ดีกว่าให้กับเพื่อนได้เห็น แถมด้วยโอกาสในการผ่อนรถได้แบบสบายๆ ก็รู้เส้นทางดีอยู่แล้วว่าควรต้องทำแบบไหนกันบ้าง
การสร้างหนี้ไม่ได้ยากเย็นแต่อย่างใด ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนเป็นอย่างมากอย่างการจะมีของสักชิ้นอย่างน้อยก็ดาวน์สินค้าชิ้นนั้นเกือบครึ่งของราคา แล้วก็ต้องผ่อนกันแบบจริงจัง ถ้าเราพอจะจำกันได้ เมื่อก่อนอยากจะมีทีวี สักเครื่องต้องอดทนรอ เก็บเงินหรือไม่ก็ต้องรอในช่วงลดราคาถึงจะได้ไปซื้อกัน หรือไม่ก็ต้องรอโบนัสออกถึงจะได้เงินไปซื้อไปดาวน์กัน ถ้าบ้านใครมีจอใหญ่สักหน่อย แค่เครื่องเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ปัจจุบันมันง่ายกว่าอะไรทั้งหมด แค่บัตรเครดิตใบเดียวจะมีกี่เครื่องทุกห้องในบ้านมีทุกห้องเลยก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่ห้องน้ำ สะดวกสบายจนเคยตัวกันหมด พอลำบากนิดหน่อยก็บ่นกันหมดแล้ว เพราะแบบนี้เราถึงได้เป็นหนี้กันหัวแตกจนหมด
เลิกพฤติกรรมติดหรู กินห้างกันได้แล้ว เพราะนั้นคือสิ่งจอมปลอม ถ้าเรายังไม่เหลืออย่าเพิ่งไปทำตามคนรวยจริงๆ เขา เมื่อไหร่ที่เราเหลือแล้วมีรอยยิ้มแบบจริงใจ ค่อยไปทำตามสิ่งที่ต้องการก็ยังทัน ร้านมันยังไม่ปิดกิจการง่ายๆ ไม่ต้องไปใช้บัตรเครดิต รูด รอให้เงินเหลือค่อยไปใช้บริการก็ยังทัน